วันพฤหัสบดีที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2552

โพลดารา


กระจอกข่าวบินเอาแบบสอบ ถาม 200 ใบไปแจกจ่ายให้ศิลปินดารานักร้องช่วยกันตอบ การที่ให้ ดาราสำรวจดาราด้วยกันนั้น ได้ผลทางตรงกว่า เพราะใครล่ะจะรู้จักดาราดีเท่ากับพวกเดียวกัน...

สวัสดีปีใหม่ชาวไทย 1 ปี ถือว่าไม่นานเกินรอสำหรับ "โพลดารา" ที่เราทีมข่าว "บันเทิงทีวี" ทำหน้าที่เสิร์ฟถึงบ้าน อ่านกันทั้งครอบครัวปีละครั้ง

กระจอกข่าวบินเอาแบบสอบ ถาม 200 ใบไปแจกจ่ายให้ศิลปินดารานักร้องช่วยกันตอบ การที่ให้ ดาราสำรวจดาราด้วยกันนั้น ได้ผลทางตรงกว่า เพราะใครล่ะจะรู้จักดาราดีเท่ากับพวกเดียวกัน

วันนี้เรามีผลสรุปทั้งหมดแล้วใครหล่อ ใครสวย ใครเซ็กซี่ ใครโดนยี้ เดี๋ยวรู้กัน

"พระเอกในดวงใจ"

ผลสำรวจครั้งนี้ต้องจดบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์เลย เพราะ เคน-ธีรเดช ได้รับโหวตมากถึง 60% และเป็นการรักษาแชมป์ได้เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน อาจจะเป็นแรงส่งจากละคร "สูตรเสน่หา" และปีนี้ยังพิเศษ เพิ่มหนังเรื่อง "รถไฟฟ้ามาหานะเธอ" เข้าไปเป็นแรงบวกอีก คะแนนทิ้งอันดับ 2 อย่าง อั้ม-อธิชาติ แบบสุดกู่ทีเดียว โดยได้คะแนน 13.1% ส่วนอันดับ 3 เป็น อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม ที่สาวๆยังโหวตให้ 9.2% ถึงแม้ปีนี้ผลงานแทบไม่มี ที่รั้งอันดับ 4 คือ อ๊อฟ-ชนะพล พระเอกดาวรุ่งของวิก 7 สี ที่ได้ คะแนนมา 7.5%

"นางเอกในดวงใจ"

ไม่มีพลิกโผอีกเช่นเคย เมื่อ แอน ทองประสม จูงมือมากับ เคน-ธีรเดช มาวินเข้าเส้นชัยเป็นปีที่ 4 ติดต่อกันด้วยคะแนนโหวต 50.4% ซึ่งก็คงเป็นผลพลอยได้จากละครที่เพิ่งจบไปน่ะเอง ทำให้นางเอกเบอร์หนึ่งของวิก 7 สีอย่าง อั้ม-พัชราภา ก็ยังต้องรั้งแค่ที่ 2

ต่อไป ด้วยคะแนน 15.3% ตามมาด้วยนางเอกรุ่นน้อง แพนเค้ก-เขมนิจ ซึ่งปีนี้ติดท็อปไฟว์เป็นครั้งแรก ด้วยคะแนนโหวต 15% แหมอีกนิดเดียวทัน พี่อั้ม แร้ว! ส่วนอันดับ 4 นี่พลิกล็อก เพราะ อ้อม-พิยดา ที่เพิ่งเข้าวิวาห์กะ พี่อาท ในปีนี้กลับมีชื่อติดชาร์ตด้วยคะแนน 10.5% และที่มาทุกปี นุ่น-วรนุช รั้งอันดับ 5 ด้วยโหวต 8.8%

"นักร้องในดวงใจ"

ตำแหน่งแชมป์ไม่เปลี่ยนอีกเช่นเคย เพราะยังไม่มีใครมาโค่น ป๋าเบิร์ด-ธงไชย ไปได้ คว้าชัยติดต่อกันเป็นปีที่ 4 แล้วด้วยผลโหวต 23.4% เวลาผ่านไปกี่ปี ป๋าก็ยังกระปรี้กระเปร่า ก็คงจะอยู่เฝ้าตำแหน่งนี้ไปอีกนาน ส่วน วงบอดี้สแลม นี่ก็สมควรเข้าสู่ชาร์ตซักที แถมเข้าปีแรกก็กระโดดพรวดมาจ่อ ป๋าเบิร์ด เลย ด้วยคะแนนโหวตจากเพื่อนร่วมอาชีพ 15% คว้ารองแชมป์ไป ตามมาอันดับ 3 นักร้องเจ้าของท่าเต้นฮิต บี้ เดอะสตาร์ ที่มีนัยน์ตายิ้มได้โกยคะ-แนนจากสาวๆไป 9.2% นอก จากนี้ยังที่มีคะแนนไล่เลี่ยกันก็ ดา เอ็นโดฟิน, โฟร์-มด, โปเตโต้ และ ปาน ธนพร

"ดาวรุ่งในดวงใจ"

มาแรงเหลือเชื่อเมื่อ คริส หอวัง ได้พลังเสียงโหวตจากหนัง "รถไฟฟ้ามาหานะเธอ" ขึ้นมานั่งแชมป์เฉยเลยด้วยคะแนน 20.5% เบียดมาริโอ้ เมาเร่อ ตกลงมาอันดับ 2 ด้วยคะแนน 11.2% ส่วนอันดับ 3 เป็นหนุ่มหล่อล่ำขาวสะอาด กันต์ กันตถาวร ที่ได้แรงส่งจากละคร "บ่วงร้ายพ่ายรัก" จนสาวแท้และแอบสาวต่างเทคะแนนให้ถึง 10.8% ตามมาติดๆในอันดับ 4 คือพระเอกอกแตก อ๊อฟ-ชนะพล ที่โกยได้ 10.4% อันดับ 5 ตุ๊กกี้ ชิงร้อย มายังไงก็ไม่รู้ แต่ดูแล้วยังแรงได้อีกในปีนี้ โดยคะแนนเบียดบี้เท่ากับนักร้องดาวรุ่ง สิงโต เจ้าป่ามาแรงแห่งเวทีเดอะสตาร์

"หล่อหยดย้อย"

ปีนี้ตำแหน่ง "แชมป์หล่อ" ตกเป็นของหนุ่มเสน่ห์แรง โดม-ปกรณ์ ลัม ถึงแม้จะมีข่าวกับสาวจนช้ำ แต่ก็ยังอุตส่าห์โกยคะแนนไป 32% โดยมี พี่เคน ตามติดชนิดหายใจรดต้นคอ ด้วยคะแนน 30.6% เป็นที่น่าสังเกตว่า ตำแหน่งนี้จะมีอยู่แค่ โดม-เคน 2 คนนี้เท่านั้นที่จะสลับกันได้คนละปี ส่วนอันดับ 3 ตามมาไม่ไกลได้แก่พระเอกหล่อล่ำขวัญใจสาว อนันดา 25.6% อันดับ 4 ต้องมีชื่อติดโผตลอดคือ พระเอกปากแดง อั้ม-อธิชาติ ได้ 15.3% และมี มาริโอ้ มาอันดับ 5 ได้คะแนน 9%


"สวยหยาดเยิ้ม"

ถึงแม้จะมีคนจองหัวใจแล้ว แต่ แอฟ-ทักษอร ก็ยังนอนมาคว้าตำแหน่งนี้เป็นปีที่ 2 ติดต่อกันด้วยเสียงโหวต 30.4% ผลออกมายังงี้หนุ่ม สงกรานต์ เตชะณรงค์ คงปลื้ม และที่ครองอันดับรองเหมือนเดิมเลยก็คือ อั้ม-พัชราภา มาสูสีกับแชมป์ โดยโกยไป 28.9% ส่วนคนที่ 3 นี่ก็ตามคาดคือ พลอย-เฌอมาลย์ ได้คะแนน 19.5% ขณะที่ พิงกี้-สาวิกา มาอันดับ 4 มีคะแนนเสียง 10.5% และคว้าอันดับ 5 ก็คือ นุ่น-วรนุช ได้โหวต 9.8%

"เซ็กซี่กระดี๊กระด๊า"

ถ้าไม่ได้ตำแหน่งแชมป์ ล่ะก็ อั้ม-พัชราภา คงไม่ยอมแน่ ก็แหมจะมีใคร สวยเซ็กซ์เอ็กซ์ครบเครื่องเท่านี้มีอีกมั้ยล่ะ คนเลยทุ่มโหวตให้ซะ 42% โดยยืนตำแหน่งนี้ได้เป็นปีที่ 3 ติดต่อกันแล้ว! ส่วนที่แรงมาเหลือเชื่อคือ เป้ย-ปานวาด กวาดคะแนนด้วยความเซ็กซี่บวกแรงสงสาร หลังจากที่อกหักหมาดๆได้ไป 18.2% ปาดหน้าอันดับ 3 พลอย-เฌอมาลย์ ไปแบบเฉียดฉิว โดยมีคะแนนที่ 17.5% และ ใหม่-สุคนธวา ก็ยังติดโผเซ็กซี่อีกปีในอันดับ 4 ได้ไป 9.2% ส่วน ชมพู่-อารยา ก็มาอ่อยๆ เนื่องจากผลงานเซ็กซี่ปีนี้น้อย แต่น่าสนใจที่สาวผิวนิล โอปอล ก็ตีกรรเชียงเข้าชาร์ตมาด้วย อาจเป็นเพราะผลพวงจากแฟชั่นเซ็กซี่ที่เรียกฮือฮาเมื่อกลางปี

"ขวัญใจบันเทิง"

สำหรับรางวัลนี้กระจายกันไปคะแนนห่างไม่มากนัก ที่คนรักอันดับ 1 ก็คือ อั้ม-อธิชาติ อันนี้คงได้จากเพื่อนๆ น้องๆในดัชชี่ บวกกับสาวๆที่ร่วมงานด้วย ยกให้เป็นพระเอกอัธยาศัยดีได้ไป 11% ตามด้วยอันดับ 2 ป๋อ-ณัฐวุฒิ กับ เอ๋-พรทิพย์ เป็นคู่ที่น่ารักจนทุกคนชื่นชมโหวตให้ 10.5% หวังว่าปีหน้าคงได้วิวาห์สมใจ อันดับ 3 ได้แก่ เคน-แอน อันนี้ไม่ใช่คู่รักในชีวิตจริง แต่สำหรับผลงานแล้ว ทุกคนแอบปลื้มจึงโหวตให้ 9.7% อันดับ 4 เป็น คริส หอวัง นี่คงต้องไปหอมแก้ม พี่เคน ขอบคุณที่ช่วยหนุนส่งคนลงคะแนนให้ 7%

"ยี้บันเทิง"

มีคนเกลียดอย่างท่วมท้นจน นาธาน โอมาน ได้คะแนนยี้ถล่มทลาย เพราะข่าวฉาวในหลายเรื่องที่ผ่านมา ไม่สามารถแก้ต่างได้หลุด จึงฉุดอนาคตต่ำติดดิน, ถึงจะสมหวังในรัก แต่คนนอกกลับมองอย่างหมั่นไส้ในคู่ ป๋าต๊อบ-ปีใหม่ จึงมีชื่อติดมาด้วย, หนุ่มสงกรานต์ เตชะณรงค์ ก็รับไปเต็มๆกับผลพวงที่ควง พิงกี้ แล้วชิ่งหนีไปคว้าสาว แอฟ, มดดำ จอมแฉ อันนี้ไม่พ่วงเพื่อน กฤษณ์ มาด้วย คงมาจากดาราที่โดนแฉนั่นเอง, หนุ่มอาร์เดอะสตาร์ งานนี้ แม่นาค ก็ช่วย พี่มาก ไม่ได้ เพราะพอดังก็ดันไปสลัดรัก เป้ย-ปานวาด ซะเนี่ย!

วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2552

Avatar อวตาร



ชื่ออังกฤษ
Avatar
ชื่อไทย อวตาร
ประเภทหนัง Action/Sci-fi
ผู้กำกับ James Cameron
ผู้แต่ง -
วันที่เข้าฉาย 17 December 2009
ความยาวหนัง -
นักแสดง Sam Worthington, Zoë Saldaña, Sigourney Weaver, Michelle Rodriguez, Stephen Lang, Joel David Moore, Giovanni Ribisi, CCH Pounder, Dileep Rao, Matt Gerald, Laz Alonso, Peter Mensah, Wes Studi
เรื่องย่อ อวตาร

เจค อดีตนาวิกโยธินหนุ่มที่เป็นอัมพาตครึ่งตัว ที่ถูกเรียกมาปฎิบัติหน้าที่ในภารกิจพิเศษที่จะต้องเปลี่ยนร่างกายของเขา (อวตาร) ให้กลายเป็นชาวมนุษย์ต่างดาวที่อาศัยอยู่ที่ดาวแพนดอร่า โดยเจค ต้องเข้าไปสอดแนมในกลุ่มของนาวี เพื่อนำทางให้มนุษย์เข้าไปตักตวงแร่อันมีค่าของที่นั่น แต่ยิ่งเจค ได้สัมผัสชีวิตบนดาว แพนดอร่า มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งหลงใหลในความงามของที่นี่มากขึ้นเท่านั้น ท้ายที่สุดเขาต้องเลือกระหว่างภารกิจที่เขาได้รับมอบหมายจากโลกและความรักความผูกพันที่มีต่อชาวนาวี ในสงครามที่มีอนาคตของโลกมนุษย์เป็นเดิมพัน



5 เรื่องที่คุณอาจจะยังไม่รู้เกี่ยวกับ... เจมส์ คาเมรอน และ หนัง Avatar

1. เจมส์ คาเมรอน คือเจ้าของประโยคเด็ด“I’m the king of the world” (หรือแปลเป็นไทยว่า“ผมคือราชาของโลกนี้” ) ซึ่งเขาเคยประกาศกร้าวเอาไว้ระหว่างขึ้นรับรางวัลออสการ์เมื่อ 11 ปีก่อน ที่หนังของเขาเรื่อง Titanic กวาดออสการ์ไปครองถึง 11 รางวัล แถมยังกลายเป็นหนังที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ถึง $1.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

2. ความจริงแล้ว คาเมรอน เขียนบท Avatar ตั้งแต่ตอนที่ยังไม่ได้ทำ Titanic ด้วยซ้ำ แต่ด้วยเทคโนโลยีสมัยนั้น ที่อย่างมากสุดทำได้แค่ แอนิเมชั่น คาเมรอน (ที่ยึดมั่นในคติที่ว่า “เล็กๆ ไม่ ใหญ่ๆ ทำ”) ก็เลยตัดสินใจพักโปรเจ็กต์นี้ไว้ก่อน โดยบทหนังชิ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจ็กต์ที่มีชื่อเรียกเก๋ไก๋ว่า Project 880 ซึ่งระหว่างนั้น บทหนังดังกล่าวก็มักจะพูดถึงในฐานะของ “บทหนังยอดเยี่ยมของฮอลลีวู้ดที่ยังไม่ได้สร้าง”

3. เจมส์ คาเมรอน เป็นผู้กำกับที่ทำลายสถิติหนังที่ใช้ทุนสร้างสูงสุดมาแล้วหลายครั้ง ไล่ตั้งแต่ Terminator 2 ซึ่งเป็นหนังเรื่องแรกที่ใช้ทุนสร้างเกิน $100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ, Titanic คือหนังเรื่องแรกที่ใช้ทุนสร้างสูงถึง $200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และคราวนี้กับ Avatar ที่ใช้ทุนสร้างสูงถึง $237 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้ Avatar กลายไปหนังที่แพงที่สุดในโลกไปแล้วเรียบร้อย และว่ากันว่า ถ้ารวมค่าทำการตลาดลงไปด้วย หนังเรื่องนี้น่าจะใช้งบไปไม่ต่ำกว่า $500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ!

4. ระหว่างการถ่ายทำหนังเรื่อง Avatar มีผู้กำกับแถวหน้าของฮอลลีวู้ดหลายคนเดินทางไปเยี่ยม เจมส์ คาเมรอน ที่กองถ่าย ไม่ว่าจะเป็นสตีเว่น สปีลเบิร์ก, ริดลี่ย์ สก็อตต์, กีลเลอร์โม่ เดล โทโร่, สตีเว่น โซเดอเบิร์ก และปีเตอร์ แจ็คสัน โดยทุกคนที่ได้เห็นฟุตเตจบางส่วนที่ตัดออกมา ล้วนแต่รู้สึกทึ่ง อึ้ง ตะลึงงัน ไปกับภาพสุดวิจิตร ตระการตา ของหนังเรื่องนี้ โดย คาเมรอน ได้สร้างโรงถ่ายชื่อ The Volume ขึ้นมาสำหรับถ่ายหนังเรื่อง Avatar โดยเฉพาะ ซึ่งโรงถ่ายแห่งนี้มีขนาดใหญ่กว่าโรงถ่ายทั่วๆ ไปในฮอลลีวู้ดถึง 6 เท่า!

5. เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดซึ่งใช้ถ่ายทำหนังเรื่อง Avatar ที่มีชื่อเรียกว่า Performance Capture เป็นการร่วมกันคิดค้นขึ้นมาโดยผู้กำกับ เจมส์ คาเมรอน และ Veta Digital ซึ่งเป็นบริษัทวิชวล เอฟเฟ็กต์ ของ ปีเตอร์ แจ็คสัน (ผู้กำกับ The Lord of the Rings ไตรภาค) โดยเทคโนโลยีที่ว่านี้ ไม่เพียงจะจับภาพการเคลื่อนไหวของนักแสดงได้เท่านั้น แต่ยังสามารถจับการแสดงออกทางสีหน้า ดวงตา และอารมณ์อื่นๆ ที่สื่อออกมาทางใบหน้าได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ซึ่งนวัตกรรมนี้นี่แหละ ที่ทำให้แวดวงภาพยนตร์ 3 มิติของโลก กำลังก้าวไปสู่วิวัฒนาการใหม่ๆ ที่ว่ากันว่าจะทำให้ วงการหนังเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล!

วันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2552

วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เคล็ดลับป้องกัน โรคจากคอมพิวเตอร์

หลายคนคงเคยเกิดอาการเจ็บป่วย จากการนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ ในลักษณะอาการของ "โรคซีวีเอส" หรือ"คอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม"
คือมีอาการปวดที่กระดูกข้อมือ เจ็บปวดกล้ามเนื้อ หรือมักมีอาการปวดตา แสบตา ตามัว หากใช้สายตาจ้องหน้าจอนาน ๆ และบ่อยครั้ง ที่จะมีอาการปวดหัวร่วมด้วย
ซึ่งขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ของแต่ละคน
และการติดตั้ง จัดวาง คีย์บอร์ด จอมอนิเตอร์ เม้าส์ เก้าอี้ ตลอดจนการปรับระดับแสง ที่ไม่เหมาะสม
ล้วนเป็นสาเหตุที่ส่งผลให้เราเกิดอาการอย่างที่กล่าวมาด้านบนค่ะ
วิธีแก้ไขคือเราควรปรับสภาพแวดล้อมของโต๊ะทำงานของเราตั้งแต่ เก้าอี้ เครื่องมือเครื่องใช้ ตลอดจนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ให้เหมาะสมกับร่างกายของเรา
ซึ่งวิธีนี้เป็นการปรับแต่งตามศาสตร์ Ergonomics ค่ะ
แล้ว Ergonomics คืออะไร?/
คำตอบ.. Ergonomics คือศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับการใช้งานเครื่องกลต่าง ๆ เพื่อลดปัญหาจากการใช้งานเครื่องใช้เหล่านี้ ศาสตร์ด้านนี้ก็เกี่ยวข้องกับการปรับแต่งสภาพแวดล้อม ให้เหมาะสมกับร่างกายของเรา ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้ง และวิธีการใช้งานของคีย์บอร์ด จอมอนิเตอร์ เม้าส์ เก้าอี้ การปรับระดับแสง เพื่อลดปัญหาที่อาจเกิดเมื่อเข้าใช้คอมพิวเตอร์นาน ๆ
เราจะปรับแต่งสภาพแวดล้อมกันอย่างไรให้เหมาะสม?
คำตอบ.. อันดับแรก มาเริ่มกันที่
1. คีย์บอร์ด (Keyboard) กันก่อน เพราะหลายคนคงคาดไม่ถึงว่าจะมีความเจ็บป่วยมากมาย ที่เกิดจากการใช้คีย์บอร์ดอย่างไม่ถูกวิธี อาการส่วนใหญ่จะไม่เกิดขึ้นในระยะสั้น การใช้คีย์บอร์ดไม่ถูกวิธี จะทำให้เกิดอาการปวดไหล่ ที่ร้ายแรงไปกว่านั้นก็คือ ระยะยาว อาจจะทำให้คุณเกิดปัญหาปวดข้อมือเรื้อรังได้ บางคนอาจเป็นถึงขั้นนิ้วล๊อก ต้องทำการผ่าตัดกันเลยทีเดียว บางคนอาจจะเห็นว่ามันจะไม่สำคัญ หรืออาจจะไม่รู้สึกเจ็บป่วย แต่ก็ควรเรียนรู้เกี่ยวกับ วิธีการป้องกันเอาไว้ล่วงหน้า ดีกว่ามั๊ยคะ

การติดตั้งและการใช้งาน
- ถ้าคุณยังไม่ได้ใช้คีย์บอร์ดแบบเลื่อนได้ อยากให้คุณรีบหามาใช้สักอัน (เพราะราคาคีย์บอร์ดตรงนี้ถูกมาก ๆ)
- ตรวจสอบว่าคีย์บอร์ดของคุณนั้น อยู่ในระดับที่แขนคุณวางในมุมตั้งฉาก ไม่สูงเกินไป หรือไม่ต่ำจนเกินไป นั่งในลักษณะที่ไหล่ไม่ห่อ
- ถ้าคีย์บอร์ดของคุณอยู่ต่ำกว่าโต๊ะที่วางจอคอมพิวเตอร์ คุณควรปรับคีย์บอร์ดให้อยู่ในระดับที่ขนานกับพื้น (โดยพลิกใต้คีย์บอร์ดแล้วปรับที่ตั้งคีย์บอร์ดเก็บ)
- ถ้าคุณใช้ถาดเลื่อนคีย์บอร์ด ขอให้คุณมีที่สำหรับวางเม้าส์ด้วย (นั่นก็คือให้ที่วางเม้าส์ไว้ข้างคีย์บอร์ด)
- ถ้าคุณเป็นคนไหล่กว้าง ขอแนะนำให้คุณใช้คีย์บอร์ดแบบแยก เพราะมันจะสามารถให้คุณสามารถทำงานได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
เคล็ดลับสำหรับการใช้คีย์บอร์ดอย่างมีสุขภาพดี
- ถ้าคุณเป็นคนหนึ่ง ที่เพิ่มความมั่นใจในการพิมพ์ด้วยการลงน้ำหนักแรง ๆ หรือด้วยสาเหตุที่ว่าอารมณ์พาไป หรือความเมามันพาไปก็แล้วแต่ นั่นแหละเป็นวิธีที่ผิดอย่างมาก เพราะมันจะทำให้คุณปวดข้อนิ้วมือได้
- ปล่อยให้ข้อมือของคุณอยู่ในลักษณะเป็นธรรมชาติ อย่างอขึ้นหรืองอลง ขณะที่พิมพ์ (ให้คุณพึงระลึกไว้เสมอว่า คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ไม่ใช่พิมพ์ดีดไฟฟ้านะคะ)
- มั่นใจว่าข้อศอกของคุณอยู่ในมุมที่เปิด 90 องศาหรือมากกว่านั้น ขณะทำงาน ควรปล่อยให้หัวไหล่ผ่อนคลาย และข้อศอกอยู่ข้างลำตัว
- ตำแหน่งของตัวคุณ อยู่ตรงกลางของคีย์บอร์ด อย่าเอียงไปทางซ้าย หรือเอียงไปทางขวา
- พยายามอย่าวางมือบนที่รองแขน เอาเป็นว่าให้คุณใช้ตอนเวลาพักจริง ๆ เท่านั้นน่าจะดีกว่านะคะ
- หาโปรแกรมพิมพ์ด้วยเสียงมาใช้จะได้ไม่ต้องเมื่อย (ข้อนี้ต้องรอเทคโนโลโยีไปก่อนนะคะ)
2.จอคอมพิวเตอร์ (Monitor)
จะว่าไปแล้ว การเลือกตำแหน่งที่ถูกต้อง ของจอมอนิเตอร์บนโต๊ะทำงาน อาจจะเป็นเรื่องยากในการตัดสินใจ ถ้ามันอยู่ตำแหน่งที่ไม่ถูกต้อง อาจทำให้คุณปวดข้อ ปวดไหล่ หรือเกิดอาการแสบตาได้ เรามีวิธีการแนะนำให้คุณในการติดตั้งจอเพื่อไม่ให้เกิดการเจ็บป่วยเหล่านั้นได้

การติดตั้งและการใช้งาน
- ติดตั้งจอมอนิเตอร์ให้อยู่ตรงกลาง การติดตั้งให้จอมอนิเตอร์ด้านซ้ายหรือด้านขวา ด้านใดด้านหนึ่งนั้น อาจทำให้คุณปวดคอหรือปวดไหล่ เนื่องมาจากการหมุนตัวไปดูจอ
- พยายามนั่งห่างจากจอประมาณ 1 ช่วงแขน ในลักษณะแบบนี้จอควรอยู่ห่างประมาณ 1 ช่วงแขนของเก้าอี้ที่คุณนั่งอยู่ หากคุณมีจอใหญ่กว่า 20 นิ้ว ก็ควรถอยห่างออกไปอีก ก็จะเป็นการดี และเป็นการถนอมสายตาด้วย
- ให้ตำแหน่งด้านบนของจอมอนิเตอร์อยู่ในระดับสายตาของคุณ
- ปรับหน้าจอให้แหงนขึ้นเล็กน้อย เพราะจะทำให้คุณไม่เมื่อยคอในการเอียงคอดูจอ
- ระวังหน้าต่างในห้อง อาจทำให้เกิดแสงสะท้อนบนหน้าจอ เนื่องมาจากแสงที่เข้ามาจากหน้าต่าง ทำให้คุณต้องเพ่งดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ ควรจะหาผ้าม่านมาบัง หรือไม่ก็ย้ายคอมพิวเตอร์ในตำแหน่งที่ไม่มีหน้าต่าง
- ควรปรับแสงสว่างของหน้าจอ ให้พอดีกับแสงสว่างโดยรอบของห้องที่ใช้งาน พร้อมทั้งปรับสีและขนาดตัวอักษร ในขนาดที่ทำให้คุณสามารถมองเห็นได้ชัดเจน
- ที่สำคัญพยายามอย่าจ้องหน้าจอเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้คุณแสบตา
เคล็ดลับ
- ปฏิบัติตามหลัก 20:20:20 ถ้าคุณต้องทำงานกับคอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานาน ควรจะพักเบรคสัก 20 วินาที หลังจากทำงาน 20 นาที และมองไปไกล 20 ฟุต จะช่วยให้สายตาคุณได้พัก และปรับโฟกัส และเป็นวิธีการที่ดีที่จะไม่ทำให้คุณสายตาสั้นนะคะ
- หมั่นทำความสะอาดหน้าจอ ฝุ่น และคราบต่าง ๆ เพราะสิ่งเหล่านี้สามารถเกาะติดหน้าจอได้ง่ายมาก จงทำความสะอาดอยู่เสมอ เพื่อให้คุณมองเห็นอย่างชัดเจน
3.เม้าส์ (Mouse)
คุณเชื่อไหมว่า มีอาการเจ็บป่วยอย่างมากมายเหลือเกิน จากการใช้เม้าส์ไม่ถูกวิธี อาการบาดเจ็บที่เกิดจากการทำอะไรสักอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า หรือมีการเกร็งอวัยวะใดซ้ำ ๆ กัน เช่น การเกร็งข้อมือเพื่อจับเม้าส์ ก็จะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บที่โพรงกระดูกข้อมือได้
เพราะเมื่อมีการทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ ส่วนที่ทำงานหนักที่สุดก็คือนิ้วและมือ ในขณะที่ส่วนอื่นของคุณนั้นอยู่นิ่งเฉย กล้ามเนื้อส่วนที่ควบคุมมือและนิ้ว อยู่ในบริเวณข้อมือถึงข้อศอก ส่วนเส้นประสาทที่ควบคุมมือ จะเชื่อมผ่านช่องว่างระหว่างกระดูกข้อมือ ซึ่งเรียกว่าโพรงกระดูกข้อมือ
ขณะที่เคลื่อนไหวข้อมือ ขนาดของโพรงกระดูกข้อมือก็มีการเปลี่ยนแปลง สร้างความกดดันให้กับเส้นประสาทตรงกลาง ถ้าคุณทำงานตลอดวัน โดยที่ข้อมืองอและกดทับบนโต๊ะ ก็สามารถทำให้เส้นเอ็น หรือเส้นประสาทที่ข้อมือเกิดอาการปวดได้ ในระยะยาวอาจทำให้เกิดการอักเสบ ซึ่งนำไปสู่การปวด ชา และปวดรุนแรงที่นิ้วมือได้
4.เก้าอี้ (Chair)
มีผู้เชี่ยวชาญได้มีความเห็นตรงกันว่า ตำแหน่งเก้าอี้เป็นสิ่งเดียวที่สำคัญที่สุดในการทำงาน พื้นฐานเบื้องต้น คุณควรจะนั่งอย่างสบายบนเก้าอี้ที่คุณใช้งานอยู่ พนักพิงควรราบไปกับหลัง และเก้าอี้มีขนาดพอดีตัวไม่เล็กเกินไป เท้าคุณจะต้องวางขนานกับพื้น
การติดตั้งและการใช้งาน
- เก้าอี้ควรจะปรับระดับความสูงได้ ควรนั่งพิงพนักให้เต็ม ไม่ควรนั่งงอตัว
- เบาะเก้าอี้ ไม่ควรแหงนขึ้นหรือแหงนลง ควรจะขนานกับพื้น ควรนั่งให้เป็นมุม 90 องศา หัวเข่าตั้งฉากกับพื้น ฝ่าเท้าแนบขนานกับพื้น ควรนั่งให้ตัวตรง และที่สำคัญควรปรับเก้าอี้ให้อยู่ในตำแหน่งที่รู้สึกสบาย ไม่ปวดหลัง ควรเดินไปทำกิจกรรมอย่างอื่นบ้าง เพื่อไม่ให้เกิดอาการเมื่อยล้า
5.แสง (Lighting)
แสงมีความสำคัญในการจัดองค์ประกอบอย่างมาก เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการมอง และปัญหาสุขภาพ ซึ่งจะทำให้เป็นการบั่นทอนประสิทธิภาพในการทำงาน
การติดตั้งและการใช้งาน
- โคมไฟบนโต๊ะทำงาน ควรใช้โคมไฟที่มีแสงสีขาวที่มีความสว่างเพียงพอต่อการมองเห็น
- จะดีมากถ้าตำแหน่งของแสงไฟนั้น สามารถปรับขึ้นลงได้ และสามารถปรับแสงสว่างได้ด้วย เพื่อให้เหมาะสมกับการทำงาน
- ควรติดผ้าม่านเพื่อควบคุมแสงจากภายนอก
- หลอดไฟควรมีแสงสว่างในโทนเดียวกัน
- ไม่ควรทาสีผนังที่ฉูดฉาดเกินไป
ลองนำเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่แนะนำไปปฏิบัติดูค่ะ เพราะเมื่อก่อน โดยส่วนตัว ปวดหลัง ปวดต้นคอ และปวดหัวบ่อยมาก นั่งนานไม่ได้เลย บางทีแสบตามากจนน้ำตาไหลก็มี ต้องแก้ด้วยการลุกจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ไปหาอย่างอื่นทำ แต่พอกลับมานั่งได้หน้าจอคอมฯ ได้ซักพักก็เป็นอีกแล้ว เลยนำวิธีปรับแต่งสภาพแวดล้อมแบบนี้ ไปปรับเปลี่ยนโต๊ะทำงานที่บ้านของตัวเองดูแล้ว ใช้ได้ผลทีเดียว.

ขอบคุณที่มา : Healthycomputing
Via : itct
แหล่งที่มา: http://www.healthycomputing.com/office/setup/index.html

วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2552

กันต์ กันตถาวร ดาวร้าย ดาวรุ่งพุ่งแรง




หลังจากที่ละครเรื่อง บ่วงร้ายพ่ายรัก ออกอากาศเป็นตอนแรก เมื่อวานนี้ (12 ต.ค.) นอกจากหลาย ๆ เสียงที่บอกว่า ชื่นชอบ เติ้ล ธนพล นิ่มทัยสุข - แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์ คู่พระนางของเรื่องแล้ว อีกคนหนึ่งที่ได้รับบทโดดเด่นมากระชากเรตติ้ง และเสียงกรี๊ดของสาว ๆ ไม่แพ้กัน คือ "กันต์ กันตถาวร" ดาวรุ่งดาวร้ายคนใหม่แห่งวงการบันเทิงไทย วันนี้กระปุกดอทคอมเลยไม่พลาดที่จะพาหนุ่ม กันต์ กันตถาวร มาแนะนำให้รู้จักกันค่ะ

กันต์ กันตถาวร เกิดเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ.2528 ปัจจุบันอายุ 23 ปี จบการศึกษาจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เห็นหน้าตาหล่อเหลาอย่างนี้ ก็ไม่ต้องแปลกใจไปค่ะ เพราะ กันต์ กันตถาวร เคยเป็นหนุ่มป๊อปดาวองซ์ (สถาบันกวดวิชาชื่อดังแห่งหนึ่ง) ประจำปี 2003 รุ่นเดียวกับ หนูรถเมล์- คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์ ซึ่ง กันต์ กันตถาวร ก้าวเข้าวงการโดย เริ่มเป็นนายแบบ ทั้งเดินแบบและถ่ายแบบภาพนิ่งมาก่อน หลังจากนั้น ความหล่อ, แมน แอนด์ แฮนด์ซั่ม ก็ได้ไปเตะตาผู้จัดชื่อดังแห่งช่อง 3 "คุณไก่-วรายุธ" เข้า กันต์ กันตถาวร จึงได้เข้ามาโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงอย่างเต็มตัว ประเดิมละครเรื่องแรกเรื่อง "ดาวจรัสฟ้า" ในบท จิ๊กโก๋คูณ หลานของ ครูอ้วน-มณีนุช และนอกจากงานละครแล้ว กันต์ กันตถาวร ยังได้แสดงโฆษณาอีกหลายตัว, เล่นมิวสิกวีดิโอ และยังได้เข้าไปเป็น DJ หนุ่มหล่อ แห่งคลื่นข่าวบันเทิงคลื่นแรก และคลื่นเดียวของประเทศไทย อย่างคลื่น EFM อีกด้วย

และแล้วโชคก็เข้ามาปะทะ กันต์ กันตถาวร เต็ม ๆ เมื่อ "คุณนิด-อรพรรณ" เห็นแววรัศมีจับ จึงได้ไปจีบ กันต์ กันตถาวร เข้ามาเซ็นสัญญาเข้าสังกัดโพลีพลัสเป็นที่เรียบร้อย และ กันต์ กันตถาวร ได้แสดงละครเรื่องแรกในค่ายสังกัด คือ "บ่วงร้ายพ่ายรัก" ในบทตัวร้ายสุดเด่น ที่เป็นผู้พิชิตใจหนูแพนเค้กในเรื่องไว้ได้อย่างอยู่หมัด แต่ดูท่าทางตอนนี้แล้ว จะไม่ได้มัดใจหนูแพนเค้ก (ในเรื่อง) คนเดียวแล้วมั้งคะ เชื่อว่าตอนนี้ กันต์ กันตถาวร ตามไปเป็นบ่วงมัดใจสาว ๆ หลาย ๆ คนเอาไว้อย่างแน่นอนแล้วใช่ไหมล่ะ ยังไง ก็อย่าลืมติดตามให้กำลังใจ กันต์ กันตถาวร นะคะ

ประวัติ กันต์ กันตถาวร

ชื่อ : กันต์ กันตถาวร

ชื่อเล่น : ฟลุ้ค ( สำหรับคนในครอบครัว ) คุณแม่เป็นตั้งให้ครับ แปลว่าเป็นที่รักครับ คงมาจากคำว่ากานต์

อายุ : 23 ปี

วันเกิด : 6 ธ.ค. พ.ศ.2528

ส่วนสูง : 183 เซนติเมตร

น้ำหนัก : 68 กิโลกรัม

การศึกษา : จบการศึกษาระดับมัธยมปลายแผนกการเรียนศิลป์ - คำนวณ จากโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) 2 และจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เวลาว่าง : เล่นฟิตเนสอยู่กับบ้าน

รางวัลที่เคยได้รับ : หนุ่ม - สาว POP ดาวองซ์ 2003 ตอนอายุ 17 ปี ( คู่กับน้องเมล์ คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์ )

ผลงานที่ผ่านมา : ละคร ดาวจรัสฟ้า, โฆษณาธนาคารธนชาติ, โฆษณา Sunsilk, โฆษณา น้ำดื่มมองต์เฟลอ

ผลงานปัจจุบัน : ละคร บ่วงร้ายพ่ายรัก, ดีเจ คลื่น 94 EFM, Fashion Show และถ่ายแบบ

วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ต้นกำเนิดหมีพูห์ (Winnie-the-Pooh)

ต้นกำเนิดหมีพูห์ (Winnie-the-Pooh)

ประมาณเดือนสิงหาคม ในปี ค.ศ. 1914 ซึ่งอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 Harry Colebourn สัตวแพทย์ชาวคานาดา ทำงานประจำที่ Fort Garry Horse ใน Winnipeg ได้ถูกส่งตัวไปประจำการที่อังกฤษ ขณะเดินทางไปอังกฤษ ขบวนรถไฟที่เขานั่งไปต้องหยุดจอดที่ White River ใน Ontario เพื่อเปลี่ยนขบวนใหม่ ระหว่างนั้นเขาได้เห็นชายคนหนึ่งกับลูกหมีสีดำ ณ บริเวณชานชาลาของสถานีรถไฟ โดยที่ลูกหมีตัวนั้นถูกผูกกับที่เท้าแขนของเก้า.....้ที่ชายคนนั้นนั่งอยู่ หลังจากที่ Harry Colebourn พูดคุยกับชายคนนั้นทำให้เขารู้ว่า ชายคนนั้นเป็นนักล่าสัตว์ เขาจึงขอซื้อลูกหมีตัวนั้นในราคา 20 เหรียญสหรัฐ และตั้งชื่อให้มันว่า Winnie เขาได้นำ Winnie ไปอยู่กับเขาที่กองทัพด้วย ซึ่งทุกคนในกองทัพก็ถือว่า Winnie เป็นสัตว์นำโชค



ต่อมาเดือนธันวาคม ในปีเดียวกัน กองทัพที่ Harry Colebourn ประจำการอยู่ ต้องย้ายกำลังพลไปที่ประเทศฝรั่งเศส Harry Colebourn ได้ฝาก Winnie ไว้ที่สวนสัตว์ที่กรุงลอนดอน และเขาคาดการณ์ว่าประมาณ 2 สัปดาห์เขาคงจะเสร็จภารกิจ และกลับมารับ Winnie ได้ แต่เหตุการณ์ไม่ได้เป็นดังที่เขาคิดไว้ สงครามสงบประมาณปี ค.ศ. 1918 Harry Colebourn กลับมาที่สวนสัตว์***กครั้งเพื่อมารับ Winnie แต่เขาพบว่า Winnie อยู่อย่างมีความสุข ณ สวนสัตว์แห่งนี้ ทั้งคนเลี้ยงและคนที่มาเที่ยวในสวนสัตว์ รักมันมาก เขาจึงตัดสินใจปล่อยให้ Winnie อยู่ที่สวนสัตว์ตามเดิม และมาเยี่ยม Winnie เสมอเมื่อมีโอกาส จนกระทั่ง Winnie เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ปี ค.ศ.1934 ส่วน Harry Colebourn ได้กลับมาประจำการอยู่ที่ทำงานเก่าของเขา Fort Garry Horse ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1921 โดยทำหน้าที่เป็นสัตวแพทย์ ประจำกองทัพ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตเมื่อปี ค.ศ. 1947

Harry Colebourn และหมี Winnie ที่เขาซื้อมาจากนักล่าสัตว์


A.A. Milne และ Christoper Robin ลูกชาย พร้อมดัวยตุ๊กตาหมี Winnie ในช่วงที่ Winnie ยังมีชีวิตอยู่ในสวนสัตว์ Winnie มีชื่อเสียงมาก อยู่มาวันหนึ่งประมาณปี ค.ศ. 1925 Christoper Robin เด็กชายวัย 5 ขวบได้มาเที่ยวเล่นในสวนสัตว์แห่งนี้ ทันทีที่ Christopher Robin พบกับ Winnie เขาก็เกิดความรักและประทับใจใน Winnie มาก จนถึงกับเปลี่ยนชื่อตุ๊กตาหมีที่ได้จากเพื่อนของพ่อของเขาจาก Edward มาเป็นชื่อ Winnie และความรักของ Christoper Robin ใน Winnie นี่เองที่ไปจุดประกายความคิดของ A.A. Milne (Alan Alexander Milne) พ่อของ Christopher Robin ซึ่งเป็นนักเขียนหนังสือและบทกลอน ให้แต่งนิทานเรื่องเกี่ยวกับ Winnie และเพื่อนขึ้นมา โดยชื่อของหมีในนิทานของเขามีชื่อว่า "Winnie-the-Pooh" โดยคำว่า Winnie มาจากตุ๊กตาหมีของลูกชายของเขาและหมี Winnie ในสวนสัตว์นั่นเอง ส่วนคำว่า Pooh มาจากชื่อของหงส์ที่อาศัยอยู่ในบริเวณฟาร์มของเขา (Cotchford Farm อยู่ในบริเวณป่า Ashdown ที่ Sussex ประเทศ England)

นิทานของเขาจะเล่าถึงการผจญภัยของ Christopher Robin กับ Winnie รวมทั้งสัตว์ที่เป็นเพื่อนของเขาในป่า โดยที่ลักษณะนิสัย ของตัวละครสัตว์ตัวอื่นๆ เช่น Eeyore, Piglet, Tigger, Kanga และ Roo มาจากเหล่าตุ๊กตาสัตว์ของ Christoper Robin ลูกชายของเขา ส่วนลักษณะนิสัยของตัวละครสัตว์ Rabbit และ Owl มาจากสัตว์ที่อาศัยในบริเวณฟาร์ม และภาพประกอบของนิทานทั้งหมด เขียนโดย E. H. Shepard.


ปัจจุบันตุ๊กตาของ Christopher Robin ถูกเก็บรักษาไว้ที่ Donnell Library Center ซึ่งเป็นห้องสมุดสาขาหนึ่งของ New York Public Library

Character


Winnie The PooH


PooH เป็นหมีที่น่ารัก เป็นสิ่งที่ใช้แทนความนุ่มนวล
และอ่อนโยน พูห์เป็นหมีที่มีสมองอันเล็กน้อยจึงไม่แปลกที่
เขาจะไม่ฉลาดในหมู่เพื่อนๆของเขา แต่ก็มีความผูกพันธ์
กันเป็นอย่างดี ซึ่งเพื่อนๆได้ยกย่องให้พูห์เ็ป็นผู้นำ แต่สิ่งที่
สำคัญที่สุดของพูห์กลับเป็นน้ำผึ้งและจะหิวอยู่ได้ตลอด ไม่ว่า
สิ่งใดจะเงียบอยู่แต่ท้องของพูห์ก็จะร้องดังขึ้นมาเสมอ

ออกโรงครั้งแรก: 1996 ตอน หมีพูห์กับต้นไม้น้ำผึ้ง
ลักษณะนิสัย: อ่อนโยน เป็นผู้นำ
งานอดิเรก: การหิวและกินน้ำผึ้งตลอดเวลาคืองานอดิเรก
คำที่ชอบพูด: "ทำยังไงฉันถึงจะได้น้ำผึ้งนะ"

Tigger


Tigger เสือที่ใช้หางของตัวเองกระโดดไปไหน
มาไหนได้เหมือนกับสปริง ในตัวของ Tigger เต็มไปด้วย
ความสนุกสนานอย่างที่สุด เขามักจะแชร์ความสนุกกับ
เพื่อนของเขาเสมอ แต่ยกเว้นกับ Rabbit ที่เขาไม่ค่อย
อยากจะสนุกด้วย Tigger เป็นเสือที่ชอบใช้คำพูดที่ผิดๆ
โอ้อวดพูดอะไรเกินจริง เป็นตัวป่วนที่สุดในหมู่เพื่อน
ชอบทำตัวเป็นผู้รู้และชอบเป็นนักสืบ

ออกโรงครั้งแรก: 1998-ตอนหมีพูห์และวันลมพัดแรง
ลักษณนิสัย: สนุกสุดๆรักเพื่อน และเป็นนักสืบ
แบบมั่วๆ ชอบพูดอะไรเกินจริง
งานอดิเรก: ใช้หางของตัวเองกระโดดไปมา
คำที่ชอบพูด: "สิ่งนั้นคือสิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุด
ของ Tigger "




Piglet


Piglet หมูน้อยผู้อ่อนโยนและถ่อมตัว เป็นหมูที่
ตัวเล็กมากแต่ใจของเขาไม่ได้เล็กด้วย เขาใจกว้างในหมู่
เพื่อน Piglet ไม่ค่อยที่จะกระตือรือร้นที่จะทำอะไรซักอย่าง
ชอบพูดติดอ่างในบางครั้ง และกลัวในสิ่งที่ยังไม่รูู้้แน่ว่ามัน
เป็นอะไร เขารักเพื่อนๆของเค้ามากโดยเฉพาะหมีพูู และ
ยังมีอารมณ์เป็นศิลปินด้วยชอบร้องเพลงและแต่งกลอน
ให้เพื่อนๆฟัง

ออกโรงครั้งแรก: 1998-ตอนหมีพูห์และวันลมพัดแรง
ลักษณะนิสัย: ขี้กลัว อยากรู้อยากเห็น ใจกว้าง
งานอดิเรก: การเป็นเพื่อนที่ดีของ Pooh
คำที่ชอบพูด: "โอ้....แต่..แต่่,เอ่อ..ฉัน..เอ่อ..."





Eeyore


Eeyore เป็นลาที่ดูเซื่องๆ ไม่เคยคาดหวังอะไร
จากคนอื่นและตัวเอง จึงมีแต่เพื่อนของเขาที่คอยให้ความ
ช่วยเหลืออยู่เสมอ ความฝันของเขาเป็นสิ่งที่เวอร์สุดๆ
การแสดงออกทางอารมณ์เมื่อดูที่สีหน้าของเขาก็จะรู้ทันที
ว่าเขารู้สึกอย่างไร Eeyoreถ้าดูภายนอกก็แค่ลาสีเทาตัว
หนึ่ง แต่ภายในจิตใจของเขาเต็มไปดวยความเอื้ออารี ให้
ความช่วยเหลือคนอื่นด้วยความเต็มใจเสมอ และมีโอกาส
ทำพลาดน้อยมาก

ออกโรงครั้งแรก: 1996-ตอนหมีพูห์กับต้นไม้น้ำผึ้ง
ลักษณะนิสัย: ลาผู้ดูเซื่องๆ ไม่ค่อยยุ่งกับใคร
งานอดิเรก: มีปัญหากับหางของตัวเองและยุ่งกับสร้างบ้านของเขา
คำที่ชอบพูด: "ฉันไม่ได้เก่งที่หาง แต่ฉันก็ต้องมีมัน"


Rabbit


Rabbit เป็นกระต่ายที่ขยันมาก เขามีที่ดินที่
เขาใช้ปลูกพืชผักของเขากว่า25ไร่ เขาจะหวงพื้นที่นี้
ที่สุด ห้ามใครเข้าใกล้ก่อนได้รับอนุญาติเด็ดขาด
วันๆ เอาแต่ดูแลสวน Rabbit เป็นกระต่ายที่ทะนง
ในความคิดของตัวเองที่สุดชอบแสดงตนเป็นผู้รู้ที่
สุดและก็มักจะผิดพลาดเสมอ แต่เขาก็ยอมรับกับ
ความผิดพลาดของเขา เป็นกระต่ายที่ตื่นตูม แต่
เขาก็รักเพื่อนของเขาที่สุด

ออกโรงครั้งแรก: -
ลักษณะนิสัย: แสดงตนเป็นผู้รที่ผิดๆู้ ,ตื่นตูม
งานอดิเรก: ดูแลสวน
คำที่ชอบพูด: "อย่ายุ่งกับสนของฉันนะ"
"โอ้..แย่แล้ว"





Roo


Roo เป็นจิงโจ้ที่เด็กที่สุดในหมู่เพื่อนๆ เต็มไปด้วย
ความไร้เดียงสาที่สุด สนุกไปวันๆ อยากรู้อยากเห็น การ
ค้นพบอะไรซักอย่างเล็กๆน้อยๆคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต
ของเขา แสดงออกด้านความรักกับแม่ของเค้าอย่างชัดเจน
และมักเห็นอกเห็นใจคนอื่นเสมอ เขามีเพื่อนที่สนิทที่สุดคือ
Lumpy เขาเข้ากันได้เป็นอย่างดี สร้างความปวดหัวให้กับ
เพื่อนๆและพูห์เสมอ

ออกโรงครั้งแรก: -
ลักษณนิสัย: ไร้เดียงสา อยากรู้อยากเห็น
งานอดิเรก: เล่นสนุกไปวันๆ
คำที่ชอบพูด: "ว้าว...สนุกที่สุดเ้ลยย..."





Lumpy


Lumpy ช้างน้อย เพื่อนสนิทของ Roo
พวกหมีพูห์คิดว่า Lumpy เป็นสัตว์ร้ายตัวโตที่จะ
มาเอาชีวิตของพวกเค้า เพราะด้วยการพูดของ
Tigger ซึ่งจริงๆ แล้วก็ยังไม่มีใครได้เห็นตัวจริง
ของ Lunpy เห็นแต่เพียงร่องรอยที่ Roo กับ
Lumpy ทำเสียหายไว้หลังจากการเล่นสนุก
Lumpy เป็นช้างน้อยที่ไร้เดียงสาพอๆกับ Roo
เล่นสนุกไปวันๆ จิตใจกล้าหาญเกินตัว ชอบ
แสดงละครและร้องเพลง

ออกโรงครั้งแรก: -
ลักษณนิสัย: ไร้เดียงสา กล้าหาญ
งานอดิเรก: เล่นสนุกไปวันๆ
คำที่ชอบพูด: -

วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

2NE1

2NE1 อ่านได้ว่า To anyone หรือ Twentyone เป็นกลุ่มศิลปิน "บิ๊กแบง" (Big Bang) ฝ่ายหญิงของค่าย YG Entertainment หรือที่นิยมเรียกว่า Bigbang Girls ประกอบไปด้วยสมาชิก 4 สาววัยใส ได้แก่ CL ลี แช ริน (Lee Chae Rin),BOM ปาร์ค บอม (Park Bom),DARA ซานดรา ปาร์ค (Sandara Park),MINJI/MINZY คง มิน จี (Gong Min Ji) ซึ่งที่ใช้ชื่อวงว่า "21" มีความหมายสื่อไปถึง ศตวรรษที่ 21 ส่วน "NE" หมายถึง New Evolution (วิวัฒนาการใหม่) ซึ่งเมื่อรวมกันก็หมายถึง ทั้ง 4 สาว เป็นกลุ่มศิลปินใหม่แห่งศตวรรษที่ 21 นั่นเอง


โดยแนวเพลงของ 2NE1 ไม่ใช่แนวใสๆ คิกขุ เหมือน Girl Group วงอื่นๆ แต่จุดเด่นของ 2NE1 คือ แนวแร็พ เน้นความแข็งแรงของท่าเต้นและเพลง ที่แตกต่างและคอนเซปต์ฉีกแนวสาววงอื่นสุดๆ โดยทั้ง 4 สาว 2NE1 ได้เปิดตัวครั้งแรก ด้วยการร้องเพลงร่วมกับ 5 หนุ่ม Big Bang ต้นฉบับ ในเพลง Lollipop ซึ่งเป็นเพลงโปรโมท CYON cellular phone Lollipop นั่นเอง และนั่นก็ทำให้ทั้ง 4 สาว 2NE1 เริ่มถูกจับตามอง ก่อนที่ทั้ง 4 สาว 2NE1 จะปล่อยเพลง Fire และ I don’t care ออกมาจนฮิตไปตามๆ กัน

นั่นแน่...เห็นความสามารถของ 4 สาว 2NE1 แล้ว อยากรู้จักพวกเธอมากขึ้นใช่ไหมล่ะ วันนี้เรามีประวัติของสาวๆ วง 2NE1 ทั้ง 4 คน มาฝากกันด้วย


สมาชิกวง 2ne1



CL ลี แช ริน (Lee Chae Rin) หรือ Faith Lee หัวหน้าวง

ตำแหน่ง Rapper เกิดวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ปี ค.ศ.1991 (พ.ศ.2534 )ปัจจุบันอายุ 18 ปี ส่วนสูง 162 เซนติเมตร มีความสามารถพูดได้ถึง 4 ภาษา คือ เกาหลี อังกฤษ ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส ถือว่าโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม 2NE1 เพราะร้องเพลงแร๊พได้เก่งสุดๆ


สมาชิกวง 2ne1



BOM ปาร์ค บอม (Park Bom)

ตำแหน่ง Main Vocal เกิดวันที่ 24 มีนาคม ปี ค.ศ.1984 (พ.ศ.2527 ) ปัจจุบันอายุ 25 ปี ส่วนสูง 165 เซนติเมตร กรุ๊ปเลือด เอบี เป็นชาวเกาหลีโดยแท้ จบการศึกษาด้านดนตรี จาก Berkley College เคยเข้าคอร์สฝึกเป็นศิลปินของค่ายมา 4 ปี เสียงร้องของปาร์ค บอม ถือว่าทรงพลังอย่างมาก และเธอคนนี้เคยเป็นนางแบบโฆษณา ทำงานร่วมกับลีเฮียวริมาแล้ว

2NE1 นักร้องเกาหลี ฉายา Bigbang Girls
สมาชิกวง 2ne1



DARA ซานดรา ปาร์ค (Sandara Park)

ตำแหน่ง Vocal เกิดวันที่ 12 พฤศจิกายน ปี ค.ศ.1984 (พ.ศ.2527 ) ปัจจุบันอายุ 24 ปี ส่วนสูง 162 เซนติเมตร เธอเป็นดาราที่ได้รับความนิยมในประเทศฟิลิปปินส์ และยังเคยถ่ายแบบแนว Sexy สร้างความฮือฮามาแล้ว

2NE1 นักร้องเกาหลี ฉายา Bigbang Girls
สมาชิกวง 2ne1



MINJI/MINZY คง มิน จี (Gong Min Ji)

ตำแหน่ง Vocal เกิดวันที่ 18 มกราคม ปี ค.ศ.1994 (พ.ศ.2537 ) ปัจจุบันอายุ 15 ปี เป็นน้องเล็กของวง 2NE1 เธอมีส่วนสูง 161 เซนติเมตร และด้วยความที่เป็นหลานสาวของผู้เชี่ยวชาญทางการเต้น จึงไม่แปลกเลยที่สาว คง มิน จี จะเต้นได้เก่งสุดๆ และลุคส์ผมสั้น ยังช่วยให้เธอดูคล่องแคล่วว่องไวอีกด้วย


วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

แฟนคนหนึ่ง (Your Girl)

เป็นแค่ใครบางคน ไม่ใช่ใครคนหนึ่ง
ที่เธอคอยมาคิดถึง คอยห่วงใย
เป็นแค่เพื่อนดี ๆ ดีแล้วดียังไง เธอไม่รัก ไม่เคยจะแคร์

เป็นอะไรเป็นอะไรที่มันมีแค่เธอ
นอนละเมอนอนละเมอตอนเทอคิดถึงใคร
เป็นอารมณ์อารมณ์ที่เธอไม่เข้าใจ

อยากบอกว่าเธอมีแฟนคนหนึ่งที่แอบไปหึงเธอทุกวัน ทุกวัน ..
ไม่รู้อะไรซะบ้างเลย
ก็เปนแฟนเธอวัน ๆ โดยที่เธอเองก็ไม่ยอมรู้ตัว
และฉันก็กลัวซะเกินจะบอก

คนนั้นเธอว่าดี คนนี้เธอก็จอง เป็นอะไรน่ะฮึต้องมาบอกฉัน
มีมั้ยเรื่องอื่น ๆ ตอนที่เราคุยกัน เก็บเรื่องรัก ของเธอไปเลย

เป็นอะไรเป็นอะไรที่มันมีแค่เธอ
นอนละเมอนอนละเมอตอนเทอคิดถึงใคร
เป็นอารมณ์อารมณ์ที่เธอไม่เข้าใจ

อยากบอกว่าเธอมีแฟนคนหนึ่งที่แอบไปหึงเธอทุกวัน ทุกวัน ..
ไม่รู้อะไรซะบ้างเลย
ก็เปนแฟนเธอวัน ๆ โดยที่เธอเองก็ไม่ยอมรู้ตัว
และฉันก็กลัวซะเกินจะบอก

RAP .. ญี่ปุ่นน

RAP .. ใครมันจะไปรู้อ่ะนะ ฉันไม่กล้าจะคิดหรอกนะ
ดูด้วยตาก็ดูไม่ออก เธอไม่บอกก็ไม่เข้าใจ
เธอก็คงไม่รู้ใช่มั้ย ว่าฉันคิดถึงใครอยู่นะ
รู้ตอนนี้เทอก้ไม่เกียง แฟนคนเดียวที่อยู่ในใจ

อยากบอกว่าเธอมีแฟนคนหนึ่งที่แอบไปหึงเธอทุกวัน ทุกวัน ..
ไม่รู้อะไรซะบ้างเลย
ก็เปนแฟนเธอวัน ๆ โดยที่เธอเองก็ไม่ยอมรู้ตัว
และฉันก็กลัวซะเกินจะบอก

อยากบอกว่าเธอมีแฟนคนหนึ่งที่แอบไปหึงเธอทุกวัน ทุกวัน ..
ไม่รู้อะไรซะบ้างเลย
ก็เปนแฟนเธอวัน ๆ โดยที่เธอเองก็ไม่ยอมรู้ตัว
และฉันก็กลัวซะเกินจะบอก

เป็นอะไรเป็นอะไรที่มันมีแค่เธอ
นอนละเมอนอนละเมอตอนเทอคิดถึงใคร
เป็นอารมณ์อารมณ์ที่เธอไม่เข้าใจ

ไม่รู้อะไรซะบ้างเลย

เป็นอะไรเป็นอะไรที่มันมีแค่เธอ
นอนละเมอนอนละเมอตอนเทอคิดถึงใคร
เป็นอารมณ์อารมณ์ที่เธอไม่เข้าใจ

อย่างน้อยยังไงก็แฟนคนหนึ่ง.. …
end you for fan !